อาการเจ็บส้นเท้าเป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่ทำงานหรือเดินยืนเป็นเวลานานๆ อาการเจ็บส้นเท้าอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น โรครองช้ำ การบาดเจ็บที่เท้า ภาวะกระดูกอ่อนสึกกร่อน เป็นต้น อาการเจ็บส้นเท้าอาจทำให้การเดินหรือเคลื่อนไหวลำบาก ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
โรครองช้ำ (Plantar Fasciitis)
โรครองช้ำเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการเจ็บส้นเท้า เกิดจากการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้า (Plantar Fascia) ซึ่งเป็นพังผืดที่ยึดกระดูกส้นเท้ากับนิ้วเท้า พังผืดใต้ฝ่าเท้าทำหน้าที่รับน้ำหนักและช่วยในการเดิน เมื่อพังผืดอักเสบจะส่งผลให้มีอาการปวดส้นเท้า โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ของการลงน้ำหนัก เช่น ตื่นนอนตอนเช้า หรือหลังจากนั่งพักนานๆ อาการปวดอาจลดลงเมื่อเดินไปสักพัก แต่อาจกลับมาปวดอีกครั้งเมื่อหยุดเดิน
ปัจจัยเสี่ยงของโรครองช้ำ
- น้ำหนักตัวที่มากเกินไป
- การสวมรองเท้าที่ไม่เหมาะสม เช่น รองเท้าพื้นแข็งหรือรองเท้าที่คับเกินไป
- การยืนหรือเดินเป็นเวลานานๆ
- การออกกำลังกายที่กระแทกเท้ามากเกินไป เช่น วิ่ง
- ประวัติครอบครัวที่มีโรครองช้ำ
การรักษาโรครองช้ำ
การรักษาโรครองช้ำในระยะแรกมักเป็นการรักษาแบบอนุรักษ์นิยม ได้แก่
- การพักเท้า
- การประคบเย็น
- การรับประทานยาแก้อักเสบ
- การกายภาพบำบัด
หากการรักษาแบบอนุรักษ์นิยมไม่ได้ผล อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น
- การฉีดสเตียรอยด์เข้าที่บริเวณส้นเท้า
- การผ่าตัด
การป้องกันโรครองช้ำ
สามารถป้องกันโรครองช้ำได้ โดย
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- เลือกสวมรองเท้าที่รองรับเท้าได้ดี
- หลีกเลี่ยงการยืนหรือเดินเป็นเวลานานๆ
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
อาการเจ็บส้นเท้าอื่นๆ
นอกจากโรครองช้ำแล้ว อาการเจ็บส้นเท้าอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้ เช่น
- การบาดเจ็บที่เท้า เช่น การหกล้ม หรือการกระแทกอย่างรุนแรง
- ภาวะกระดูกอ่อนสึกกร่อน (Osteoarthritis)
- โรคข้ออักเสบ (Arthritis)
- การติดเชื้อที่เท้า
- โรคหลอดเลือด
- โรคเบาหวาน
หากมีอาการเจ็บส้นเท้า ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
Leave a Reply